วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ออกแบบเสื้อ

Margeting การตลาด
The Leadership เป็นผู้นำ
Crate สร้างสรรค์
Strive มุ่งมั่น

รวมแล้วๆ คือ การตลาดต้องเป็นผู้นำที่มุ่งมั่นและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ค่ะ

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หลักการออกแบบโลโก้



การออกแบบโลโก้

การออกแบบเครื่องหมายและสัญลักษณ์(โลโก้)
การออกแบบเครื่องหมายและสัญลักษณ์
สื่อที่เป็นภาพสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายภาพ เป็นสื่อที่มีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน ถ้าเรามองไป
รอบๆ ตัวจะเห็นสื่อที่เป็นเครื่องหมายภาพปรากฏอยู่ทั่วไป
การนำหลักทฤษฎีมาประยุกต์ในการออกแบบสื่อสัญลักษณ์
การออกแบบสัญลักษณ์
นักออกแบบจะต้องใช้ความรู้ความสามารถอย่างยิ่งในการวิเคราะห์เนื้อหาของสารที่จะต้องการสื่อความ
หมาย และสังเคราะห์ให้เป็นรูปลักษณ์ที่ใช้เป็นสิ่งแทนอันสามารถจะบอกได้ถึงความหมาย ทั้งยังต้องใช้ความสามารถในการเขียนภาพ หรือผลิตภาพสัญลักษณ์ให้ประณีตคมชัด เพื่อสื่อความหมายได้ถูกต้องชัดเจน
ในการออกแบบสัญลักษณ์ นักออกแบบจะมีแหล่งบันดาลใจสำคัญ 2 ประการคือ
1. จากธรรมชาติสิ่งแวดล้อม (Natural Form) ได้แก่ ภาพดอกไม้ ใบไม้ ภูเขา ทะเล คน สัตว์ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ฯลฯ จัดเป็นสัญลักษณ์ที่เกิดจากธรรมชาติ (Natural Symbol)
2. จากรูปแบบที่มนุษย์สร้าง (Manmade Form) ได้แก่ อาคารบ้านเรือน เครื่องใช้ สิ่งของต่าง ๆ เรียกว่า สัญลักษณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น (Conventional Symbol)
นอกจากนี้การออกแบบสัญลักษณ์ให้บรรลุเป้าหมาย นักออกแบบควรคำนึงถึงหลักสำคัญ 3 ประการคือ
1. ความงามของสัญลักษณ์ จะต้องเกี่ยวโยงกับสุนทรียภาพ (Aesthetic Form) คือความงดงามของรูปแบบของสัญลักษณ์ไม่ว่าจะเป็น Representation หรือ Abstract ก็ตาม
2. ต้องเหมาะสมกับกาลเวลาทุกยุคทุกสมัย ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นความนิยมชั่วคราว
3. ต้องนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายประการ สามารถลอกเลียนด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การย่อหรือขยายได้
จากการพิจารณาถึงสื่อสัญลักษณ์ที่มีอยู่ทั่วไปแล้ว เราพอจะแยกประเภทตามลักษณะเฉพาะ อาจแบ่งได้เป็น
1. ภาพเครื่องหมายจราจร เป็นกติกาสากลซึ่งเข้าใจร่วมกันทั่วไป เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ
เครื่องหมายภาพจราจรจะแสดงถึงสัญลักษณ์การใช้รถใช้ถนนในลักษณะต่าง ๆ กัน การออกแบบจะเน้นความชัด
เจนของการสื่อความหมาย เข้าใจง่าย สีสันสะดุดตา
2. เครื่องหมายสถาบัน สมาคม และกลุ่มต่างๆ ซึ่งกำหนดรูปแบบเพื่อแทนหรือเป็นสัญลักษณ์ของหน่วย
งานนั้นๆ
3. เครื่องหมายบริษัท สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นความน่าสนใจในบริษัท
การค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ และยังเป็นการเน้นถึงคุณภาพที่น่าเชื่อถือด้วยรูปลักษณ์ของเครื่องหมายที่ปรากฏ
4. ภาพเครื่องหมายสถานที่ เป็นเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์สถานที่ต่าง ๆ ที่แสดงให้เข้าใจร่วมกันได้
โดยไม่ต้องใช้ตัวหนังสือหรือข้อความ ซึ่งบางครั้งอาจสื่อได้ยากกว่าการใช้สัญลักษณ์ เช่น โรงพยาบาล สนามบิน สถานีรถไฟ ห้องน้ำ
5. ภาพเครื่องหมายกิจกรรมต่างๆ เช่น การกีฬา การก่อสร้าง การประชุม
6. เครื่องหมายที่ใช้ในการออกแบบ เขียนแบบ เป็นเครื่องหมายภาพที่ใช้สื่อความหมายร่วมกันระหว่างผู้
ออกแบบเขียนแบบแปลน และผู้อ่านแบบหรือบุคคลทั่วไปที่เกี่ยวข้อง
ลักษณะของสัญลักษณ์ดังกล่าว แบ่งตามลักษณะของประเภทหรือเครื่องหมาย แต่ถ้าเราพิจารณาถึงการออกแบบสัญลักษณ์ต่าง ๆ ทุกลักษณะ อาจแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะและวิธีการออกแบบได้ 3 ประเภท คือ
1.ลักษณะแบบตัวอักษร (Letter marks) ได้แก่ การออกแบบสัญลักษณ์โดยอาศัยรูปแบบตัวอักษรมา
ประดิษฐ์จัดวางให้สวยงาม ชัดเจน การออกแบบอาจจะใช้เฉพาะตัวอักษรหรือคำย่อของหน่วยงาน บริษัทหรือ
สถาบันองค์การต่างๆ มาใช้
2.ลักษณะแบบภาพ (Pictograph) คือ การออกแบบสัญลักษณ์โดยใช้รูปภาพเป็นแนวคิดในการออกแบบ ภาพอาจเป็นการแสดงทิศทาง กิจกรรม การกระทำ หรือภาพสัญลักษณ์ต่าง ๆ
3.ลักษณะแบบผสมผสาน (Combination Marks) คือการออกแบบภาพสัญลักษณ์ โดยนำเอารูปแบบ
ตัวอักษรกับรูปภาพมาประกอบกันในการออกแบบอย่างสัมพันธ์กันและเหมาะสม
แนวคิดในการออกแบบ
ในการออกแบบสัญลักษณ์ ควรจะยึดหลักกว้าง ๆ เพื่อเป็นแนวคิด ดังนี้
1. แนวคิดเกี่ยวกับความงาม
2. แนวคิดเกี่ยวกับความหมาย
3. แนวคิดในการสร้างความเด่นและน่าสนใจ
4. ความเหมาะสมในการออกแบบและการใช้งาน
วิธีการออกแบบสัญลักษณ์
สัญลักษณ์ในทุกลักษณะที่ทำการออกแบบ ผู้ออกแบบควรจะพิจารณาให้ชัดเจนก่อนว่างานออกแบบนั้นมีวัตถุประสงค์อย่างไร ทั้งนี้เพื่อให้ผลงานออกแบบสามารถสื่อความหมายให้ผู้อื่นเข้าใจได้โดยง่าย มีความชัดเจน สามารถดึงดูดความสนใจได้ดี ภาพเครื่องหมายสามารถนำไปใช้งานได้หลายลักษณะ มีรูปแบบที่น่าเชื่อถือ เกิดจาก
ความเชื่อมั่นและยอมรับ มีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ ผู้ออกแบบจะละเลยไม่ได้
ขั้นตอนการออกแบบ
1.ศึกษารวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเป็นแนวคิดในการออกแบบ
2.กำหนดแนวคิดหลักโดยใช้ข้อมูลเบื้องต้นเป็นบรรทัดฐาน
3.เลือกหาสิ่งดลใจในการออกแบบ อาจเป็นรูปทรงเรขาคณิต รูปทรงอิสระ หรือสิ่งในธรรมชาติ
4.กำหนดรูปร่างภายนอก
5.ร่างภาพเพื่อหารูปแบบที่เหมาะสมโดยการร่างไว้หลาย ๆ แบบ
6.ลดทอนรายละเอียด
7.ร่างแบบเขียนสี
8.เขียนแบบจริง
ในความเป็นจริง เราพบเห็นสัญลักษณ์ที่มีผู้ออกแบบไว้แล้ว และมีการนำมาใช้อยู่โดยทั่วไป ซึ่งเราอาจนำภาพสัญลักษณ์เหล่านั้นมาใช้หรือประยุกต์ หรือเป็นแนวทางในการออกแบบสร้างภาพสัญลักษณ์ เพื่อสื่อความหมายในการเรียนการสอนได้ สัญลักษณ์ที่นำมาใช้อาจเป็นรูปภาพ ตัวหนังสือ ตัวเลข และเครื่องหมายต่าง ๆ เรานำมาใช้ได้ทุกเนื้อหาวิชา ให้เหมาะสมและสามารถสื่อความหมายได้ตรงจุดประสงค์ที่สุด
ที่มา : เทคนิคการออกแบบกราฟิกพงษ์ศักดิ์ ไชยทิพย์
keyword : การออกแบบเครื่องหมายและสัญลักษณ์,การออกแบบเครื่องหมาย,การออกแบบสัญลักษณ์,การออกแบบโลโก้,โลโก้
ประเภทของสัญลักษณ์
ประเภทสัญลักษณ์ ตามลักษณะของการนำไปใช้งานใช้งาน ดังนี้
1. สัญลักษณ์ (Symbol)
2. เครื่องหมายภาพ (pictograph)
3. ตราสัญลักษณ์ (Logo)
4. เครื่องหมายการค้า (Trade Mark)
5. สัญลักษณ์นำโชค (Msscor)
6. พระราชลัญจกรและสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้อง
7. ตราสัญลักษณ์อื่นที่เกี่ยวข้อง
(ที่มา การออกแบบสัญลักษณ์ (logo) ทองเจือ เขียดทอง )
หลักการออกแบบสัญลักษณ์
1. องค์ประกอบของการออกแบบ (element of design)
2. หลักการออกแบบ
2.1
ความเป็นเอกภาพ (unity)
2.2
ความสมดุล (balance)
- ความสมดุลแบบเหมือนกัน
- ความสมดุลแบบไม่เหมือนกัน
- ความสมดุลแบบรัศมี
2.3
ความกลมกลืน (harmony)
2.4
การซ้ำ (repetition)
2.5
การลดหลั่น (gradation)
2.6
จุดเด่น (dominance)
คุณลักษณะของสัญลักษณ์ที่ดี
1. มีความหมายสื่อถึงสินค้าได้ดี 10. สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย
2. เหมาะสมกับการนำไปเป็นสื่อต่างๆ 11. มีความเป็นเอกภาพ
3. มีความร่วมสมัย
4. ให้ความน่าเชื่อถือในคุณภาพของสินค้า
5. มีเอกลักษณ์ของตนเองไม่ซ้ำใคร
6. มีการใช้สีเหมาะกับสินค้า
7. มีความเรียบง่ายสร้างความจดจำได้ดี
8. มีความเป็นสากลสื่อได้กับคนหลายกลุ่ม
9. เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย (ระดับความเป็นนามธรรม)


ขอขอบคุณที่มาจาก : http://man42man.blogspot.com


โปรแกรมการออกแบบโลโก้



โปรแกรม Logosmartz

 เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับการออกแบบ ในการออกแบบโลโก้ธุรกิจ ในขณะที่ทุกคนสามารถสร้างโลโก้ได้เองเป็นสิ่งที่นักออกแบบมือสมัครเล่นความ ทราบอินเตอร์เฟซสำหรับ Logosmartz แบ่ง ออกเป็นสองหน้าจอชัดเจน หน้าจอแรกให้ผู้ใช้สามารถเลื่อนโลโก้ต่างๆ และข้อความตามตัวอย่างที่ประกอบ สองคือหน้าจอของการออกแบบคล้ายกับ Microsoft ด้วยสี และเครื่องมือการสร้างโลโก้ใหม่หรือเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ทั้งสองแบบเพื่อเลื่อนและเลือกของคุณรู้สึกได้ง่ายมาก การสร้างโลโก้ และแม่แบบในขณะที่บางส่วนของโลโก้ดูสะอาด มีบางส่วนที่เหมือนภาพตัดปะ

ขอขอบคุณที่มาจาก : http://www.svcomsanom.com

ความหมายของสี

 


 

สีแดง

ความหมาย: ความเข้มแข็ง มีพละกำลัง, ความโกรธ, กิเลส, ความหมกมุ่นทางเพศ, แจ่มใส, กล้าหาญ, ไฟ, ร้อนแรง, การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว, ความปรารถนา, เลือด, มีชีวิตชีวา, แรงขับเคลื่อน, ความเสี่ยง, ความรัก, การอยู่รอด, สงคราม, อันตราย, การปฏิวัติ, แข็งกร้าว, พลังอำนาจ, เด็ดเดี่ยว, รสชาติดี, เป็นผู้นำ, ตื่นเต้น, ความเร็ว, ความร้อน, ความอบอุ่น, รุนแรง, การดึงดูดความสนใจ, โรแมนติก
สีแดงสด ความสนุกสนาน, เรื่องทางเพศ, กิเลส, ความเฉียบแหลม, ความรัก, ความลังเล
สีแดงเข้ม ความมุ่งมั่น, ความคลั่งไคล้, ความโกรธ, ความตึงเครียด, ความเป็นผู้นำ, ความโหยหา, การปองร้าย
สี Maroon (แดงเลือดนก) ความลังเล
จิตวิทยา: สีแดงจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย, เพิ่มอัตราการหายใจ, เพิ่มการขับเหงื่อ, ช่วยเจริญอาหารและเพิ่มความดันโลหิตได้ค่ะ
รู้หรือไม่: สีแดงนั้นช่วยให้ข้อความหรือรูปภาพดูเด่นขึ้นได้ วัตถุที่มีสีแดงจะดูใหญ่ขึ้นและดูใกล้ขึ้นกว่าความเป็นจริง ส่วนสีแดงสด อาจเคืองสายตาได้ถ้าใช้บนพื้นที่หรือวัตถุที่ใหญ่เกินไป แต่ถ้าต้องการให้ดึงดูดผู้คน สีแดงนี่เลยค่ะดีที่สุด เพราะจะทำให้มีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น ป้าย SALE ต่างๆ ไฟแดงตามสี่แยก หรือป้ายจราจรค่ะ
เมื่อใช้ร่วมกับสีอื่น: ไม่แนะนำให้ใช้สีแดงสดร่วมกับสีฟ้าสดค่ะ เพราะมันไม่ดีกับสายตา ส่วนสีแดงถ้าใช้ร่วมกับสีเขียวก็ควรมีสีอื่นมาแทรกบ้างอย่ามีแค่สองสีนี้
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: อันตราย (ใช้กับป้ายจราจร เช่น ป้ายหยุดรถ), ความรัก (รูปหัวใจ), ความตื่นเต้น (ป้าย SALE)
  • จีน: สีของชุดเจ้าสาว, ความโชคดี, การเฉลิมฉลอง, ความสุข, สนุกสนาน, มีอายุยืนยาว, เรียกประชุมหรือกำลังพล
  • ญี่ปุ่น: ชีวิต
  • อินเดีย: ความบริสุทธิ์
  • ชาวตะวันออก: ความสนุกสนาน (เมื่อใช้กับสีขาว)
  • ชาวฮิบบรู: การเสียสละ, บาป
  • อเมริกัน: คริสต์มาส (ใช้กับสีเขียว), วาเลนไทน์ (ใช้กับสีขาว)
  • แอฟริกาใต้: เศร้า
  • ชาวอะบอริจิ้นในออสเตรเลีย: แผ่นดิน,
  • ชาวโรมัน: ใช้ธงสีแดงเป็นสัญลักษณ์ในการเริ่มโจมตีข้าศึก
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, ไฟ, โชคดี, เงินทอง, เคารพ, การป้องกัน, ยอมรับนับถือ

สีชมพู

ความหมาย: อบอุ่น, มีพลัง, ความสมดุล, กระตือรือร้น, มีชีวิตชีวา, พละกำลัง, ขยับขยาย, หรูหรา, ตื่นเต้น, เป้าหมายธุรกิจ, การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, ทะเยอทะยาน, ความสำเร็จ, เกี่ยวกับกฎหมาย, การขาย, การแสดง, ดวงอาทิตย์, เป็นมิตร, สนุกสนาน, เข้มแข็ง, อดทน, รอบรู้, การกุศล, น่าหลงใหล, ความสุข, เป็นมิตร, การเริ่มต้น, ความคิดสร้างสรรค์, กำลังใจ, อบอุ่น, น่าสนใจ, อิสระ, งบประมาณน้อย, หนุ่มสาว
สีชมพูอ่อน วัยแรกรุ่น, บอบบาง
สีชมพูสด วัยรุ่น, กำลัง, มีเจตนาดี
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: ผู้หญิง, เด็กผู้หญิง
  • อินเดียแถบตะวันออก: เป็นสีแสดงความเป็นผู้หญิง
  • ญี่ปุ่น: เป็นสีที่ใช้กันมากทั้งหญิงและชาย
  • เกาหลี: ความไว้ใจ
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, ความรัก

สีส้ม

ความหมาย: โรแมนติก, ความรัก, มิตรภาพ, ผู้หญิง, ความจริง, นิ่งเฉย, หวังดี, เยียวยาความรู้สึก, ความสงบ, ความห่วงใย, เอาใจใส่, รสหวาน, กลิ่นหอม, บอบบาง, ละเอียดอ่อน
สีส้มอ่อน เช่น ลูกแอปปริคอท, ปะการัง, ลูกพีชและแคนตาลูป หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญ
สีส้มเข้ม หมายถึง หลอกลวง, ไม่ไว้วางใจ
สีส้มแดง หมายถึง ความปรารถนา, เรื่องทางเพศ, ความแข็งกร้าว, การครอบครอง
สีส้มสด เช่น ส้ม หมายถึง เกี่ยวกับสุขภาพ
จิตวิทยา: ในร้านอาหาร สีส้มถือว่าเป็นสีที่ช่วยกระตุ้นการเจริญอาหาร ส่วนการตกแต่งด้วยสีส้มก็ช่วยเรื่องการค้าขาย นอกจากนี้สีส้มยังช่วยเพิ่มออกซิเจนที่ส่งไปเลี้ยงสมอง และช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง
รู้หรือไม่: เมื่อใช้ส้มเป็นพื้นหลังช่วยให้รูปดูใกล้และใหญ่กว่าความเป็นจริง แต่ต้องระวังอย่าใช้เยอะเกินไปนะคะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: ฤดูใบไม้ร่วง, การเก็บเกี่ยว, ความคิดสร้างสรรค์
  • อเมริกัน: ฮัลโลวีน, ของราคาถูก
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, ดิน, เข้มแข็ง

สีน้ำตาล

ความหมาย: มิตรภาพ, เทศกาลพิเศษ, พื้นดิน, วัตถุนิยม, ความจริง, สะดวกสบาย, ทนทาน, มั่นคง, เรียบง่าย, อายุยืน, สนิทสนม, เงียบสงบ, ราคะ, เข้มแข็ง, การผลิต, นิ่งเฉย, ทำงานหนัก, น้ำใจ, สิ่งสกปรก, การปฏิบัติการ
ถ้าใช้สีน้ำตาลสีเดียวนั้น มันก็จะดูไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ ออกจะดูทึมๆ ทื่อๆ ด้วยซ้ำ นานัวร์แนะนำว่าให้ใช้คู่กับสีอื่นหรือแต่งโดยใช้เทคนิด texture เข้าช่วยค่ะ เช่นพื้นไม้ เป็นต้น
สีน้ำตาลแดง ฤดูเก็บเกี่ยว, ฤดูใบไม้ร่วง
สีเนื้อ หยาง, เชี่ยวชาญ, ความเรียบร้อย
สีน้ำตาลทองแดง เป้าหมายทางการเงิน, หลงใหล, ผลทางธุรกิจ, ความก้าวหน้าในอาชีพ
สีน้ำตาลกาแฟ เชี่ยวชาญ, เข้มข้น, ทนทาน
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ชาวอะบอริจิ้นในออสเตรเลีย: สีของผืนดิน
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, ดิน, อุตสาหกรรม

สีทอง

ความหมาย: ร่ำรวย, พระเจ้า, ชัยชนะ, ปลอดภัย, อำนาจของผู้ชาย, ความสุข, ขี้เล่น, เคารพ, เฉียบแหลม, น่าเกรงขาม, ปรารถนาอำนาจ, อำนาจลึกลับ, วิทยาศาสตร์, ความมุ่งมั่น
เมืองนอกเค้าสำรวจมาว่า ใช้สีทองกับสีน้ำเงิน navy blue ในเรื่องการขายของให้กับผู้ชายจะดีที่สุดค่ะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ทั่วโลก: ความสำเร็จ, คุณภาพดี, เงิน
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, เหล็ก-โลหะ

สีเหลือง

ความหมาย: พระอาทิตย์, ฉลาด, เบา, ความทรงจำ, จินตนาการ, ความร่วมมือ, องค์กร หมู่คณะ, แสงอาทิตย์, ความสุข, พลังงาน, มองโลกในแง่ดี, บริสุทธิ์, กระตือรือร้น, อบอุ่น, มีเกียรติ, ภักดี, ความชัดเจน, แนวคิด, ความเข้าใจ, เฉียบแหลม, ทรยศ, ไม่ซื่อ, ขึ้หึง, อ่อนแอ, ระมัดระวัง, ผู้ตาม, มั่นใจ, อารมณ์ขัน, เพ้อฝัน, ความคิดสร้างสรรค์, เป็นต้นแบบ, ความหวัง, ฤดูร้อน, ไม่แน่นอน, มีชื่อเสียง
สีเหลืองหม่น ระมัดระวัง, ผุพัง, ป่วย
สีเหลืองอ่อน สดชื่น, สนุกสนาน, รอบรู้
สีครีม ความเงียบ, ร่าเริง, สงบ, บริสุทธิ์, นุ่มนวล, อบอุ่นมากกว่าสีขาว
จิตวิทยา: สีเหลืองจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยให้กล้ามเนื้อมีกำลังและช่วยดึงดูดความสนใจ
รู้หรือไม่: สีเหลืองเป็นสีที่เห็นได้เด่นที่สุดกับตาของมนุษย์ค่ะ ถ้าคุณต้องการให้ข้อความหรือสิ่งไหนสะดุดตาคนดู ก็สีเหลืองนี่เลยค่ะ เวลานักเรียนเรียนในห้องที่ทาสีเหลืองทำให้ทำข้อสอบได้ดีขึ้น (นี่เค้าว่ามาอีกทีนะคะ) สีเหลืองสดใสใช้ดีกับการโปรโมทอาหาร เช่น ลองเอากล้วยหรือผลไม้สีเหลืองอื่นๆ ไปวางผสมกันกับผลไม้หรือผักสีเขียวอื่นๆ ก็ดูดึงดูดสายตาดีค่ะ ส่วนของเล่นเด็กถ้าใช้สีเหลืองเป็นไฮไลท์หรือฉลากก็ดูเด่นขึ้นค่ะ แต่ถ้าใช้สีเหลืองมากเกินไปก็เป็นการรบกวนสายตาได้ ส่วนสีเหลืองใช้คู่กับสีดำ หมายถึงการเตือน เช่นป้าย Baby on Board ที่ป้ายมือใหม่หัดขับที่ไว้ติดหลังรถค่ะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: ความหวัง, ความสุข, สิ่งอันตราย, อ่อนแอ, แท็กซี่
  • เอเชีย: สักการะบูชา, ยิ่งใหญ่, จักรพรรดิ์
  • จีน: การเลี้ยงดู, ราชวงศ์
  • อียิปต์: เศร้าโศก
  • ญี่ปุ่น: กล้าหาญ
  • อินเดีย: พ่อค้า
  • ศาสนาพุทธ: ปัญญา
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, ผืนดิน, เป็นมงคล, อบอุ่น, แสงอาทิตย์

สีเขียว

ความหมาย: แผ่นดินแม่, การแพทย์, อุดมสมบูรณ์, การเกษตร, การเติบโต, อาหาร, ความหวัง, ต่ออายุ, หนุ่มสาว, มั่นคง, ทนทาน, สดชื่น, ธรรมชาติ, สิ่งแวดล้อม, เงียบสงบ, อมตะ, สุขภาพ, การรักษา, โชคดี, หึงหวง, สามัคคี, ใจกว้าง, ปลอดภัย, อิจฉา, โชคร้าย, การทูต, สนุกสนาน, สมดุล, ไม่มีประสบการณ์, แบ่งปัน, มิตรภาพ
จิตวิทยา: สีเขียวสามารถลดความดันเลือดได้ ช่วยลดอาการตื่นเต้น และช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ สีเขียวนี้ทำให้สบายตาและช่วยให้ทัศนวิสัยดีขึ้น รูปที่มีพื้นหลังเป็นสีเขียวจะทำให้รูปนั้นดูไกลขึ้นค่ะ
รู้หรือไม่: รูปที่มีพื้นหลังเป็นสีเขียวจะทำให้รูปนั้นดูไกลขึ้น เป็นสีที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ออร์กานิก ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น สปา
สีเขียวเข้ม การเงิน, ทะเยอะทะยาน, โลภ, หึงหวง, ช่วยให้เกิดความมุ่งมั่น
สีเขียวเหลืองมะนาว เจ็บไข้ได้ป่วย, หึงหวง, คลื่นไส้, ขี้ขลาด ไม่แนะนำให้ใช้สีนี้ในผลิตภัณฑ์อาหารค่ะ
สีเขียวมะกอก สงบสุข
สีเขียวอมน้ำเงิน เป็นสีที่นิยมใช้กันทั่วไปค่ะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • จีน: การขับไล่, สมัยก่อนผู้หญิงชาวจีนที่ใส่หมวกสีเขียวหมายถึง มีชู้
  • ญี่ปุ่น: การมีชีวิต
  • อิสลาม: ความหวัง - สันนิษฐานว่าเสื้อคลุมของศาสดานั้นเป็นสีเขียว, คุณธรรม - สำหรับผู้ที่ศรัทธาอย่างแรงกล้าถึงใส่สีเขียวได้
  • ไอร์แลนด์: สีประจำชาติ
  • ยุโรป/อเมริกา: ฤดูใบไม้ผลิ, การเกิดใหม่, ความปลอดภัย, ปกป้องสิ่งแวดล้อม, คริสต์มาส (คู่กับสีแดง)
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, ธาติไม้ สมดุล, ผสมผสานกลมกลืน, สุขภาพ, ความสงบ

สีน้ำเงิน/สีฟ้า

ความหมาย: โชคดี, การติดต่อสื่อสาร, ฉลาดเฉียบแหลม, การป้องกัน, แรงบันดาลใจ, สงบ, นุ่มนวล, น้ำ, ทะเล, ความคิดสร้างสรรค์, ลึกลับ, ท้องฟ้า, ท่องเที่ยว, อุทิศตัว, ความก้าวหน้า, อิสระ, ความรัก, ความเชื่อใจ, เห็นอกเห็นไใจ, ความเศร้า, ความกลุ้มใจ, ความมั่นคง, เป็นปึกแผ่น, ความเข้าใจ, ความมั่นใจ, การยอมรับ, การอนุรักษ์, ความปลอดภัย, คำสั่ง, สะดวกสบาย, หนาวเย็น, เทคโนโลยี, ปัญญา, ความคิด, การแบ่งปัน, ความร่วมมือกัน, ความจริงใจ, ผ่อนคลาย, มิตรภาพ, อดทน
จิตวิทยา: บางคนเชื่อว่าสีน้ำเงินหรือสีฟ้านี้ทำให้การเผาผลาญในร่างกายหรือเมตาโบลิซึ่มช้าลง และหยุดยั้งการเจริญอาหาร
รู้หรือไม่: สีน้ำเงินหรือสีฟ้าเป็นสีที่นิยมใช้กันทั่วไป เหมาะสำหรับเว็บไซต์เกี่ยวกับเทคโนโลยี, ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์, อุปกรณ์ทำความสะอาด, น้ำ, ทะเล, ท่องเที่ยว นอกจากนี้สีฟ้าหรือสีน้ำเงินก็เป็นสีที่คนชอบมากที่สุดมากกว่าครึ่งโลก นานัวร์ก็ชอบสีฟ้าเหมือนกันค่ะ ถ้าใช้สีฟ้าคู่กับสีน้ำเิงินเข้มจะให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ แต่ถ้าใช้สีฟ้าอ่อนๆ ก็จะให้ความรู้สึกสงบและนุ่มนวลค่ะ
สีน้ำเงิน ความร่ำรวย หนาวเย็น
สีน้ำเงินเข้ม ความลึก, เชี่ยวชาญ, มั่นคง, น่าเชื่อถือ, รอบรู้, เฉลียวฉลาด, เป็นสีของธุรกิจส่วนใหญ่, อบอุ่น, อำนาจ, ความจริงจัง, สุขภาพ, ความรู้, กฏหมาย, ตรรกะ, ปลอดโปร่ง
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: สงบ
  • อิหร่าน: โศกเศร้า
  • จีน: เป็นอมตะ
  • ฮินดู: สีของพระกฤษณะ
  • ตะวันออกกลาง: ปกป้อง
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, ธาตุน้ำ, เงียบสงบ, ความรัก, ผ่อนคลาย, สันติสุข, ความเชื่อถือ, ผจญภัญ, การค้นหา

สีม่วง

ความหมาย: อิทธิพล, ดวงตาที่สาม, ทรงเจ้า, พลังวิเศษ, เกียรติยศ, แรงบันดาลใจ, ราชวงศ์, อำนาจลึกลับ, การเปลี่ยนแปลง, ฉลาด, เชี่ยวชาญ, โหดร้าย, หยิ่งยโส, เพ้อฝัน, จินตนาการ, ร่ำรวย, ฟุ่มเฟือย, อิสระ, ไสยศาสตร์, ความคิดสร้างสรรค์, พลังงาน, ความมั่นใจในตัวเอง, ถือตัว, ทะเยอทะยาน, หรูหรา, กำไร, ความต้องการทางเพศ, เพศที่สาม, เกย์, เลสเบี้ยน
จิตวิทยา: เด็กฝรั่งรุ่นซักประมาณประถมปลายถึงมัธยมต้นกว่า 75% เลือกสีนี้เป็นสีที่ชอบที่สุดค่ะ ไม่แน่ใจว่าเด็กไทยจะด้วยรึเปล่า พวกบริษัทผลิตของเล่นหรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเด็กนิยมใช้สีม่วงสดเพื่อดึงดูดความสนใจค่ะ ส่วนสีม่วงอ่อนหวานๆ ก็เหมาะดีสำหรับงานออกแบบแบบผู้หญิงๆ แต่ถ้าใช้สีม่วงมากเกินไป ก็ทำให้รู้สึกอึมครึมหรือคลื่นไส้ถ้าต้องอยู่ในห้องที่มีแต่สีม่วงได้ค่ะ
สีม่วงลาเวนเดอร์ หยาง, สับสนทางเพศ, โรแมนติก, ผู้หญิง, การเปลี่ยนแปลง, อาลัยอาวรณ์
สีม่วงเข้ม ความมืด, เศร้า, ผิดหวัง, ร่ำรวย
สีม่วงอ่อน หยาง
สีม่วงไวโอเล็ต สมาธิ, ความคิดสร้างสรรค์, ความมุ่งมั่น, ความเงียบ, ความสวยงาม, แรงบันดาลใจ, ศิลปะ, ดนตรี, กามารมณ์, เสียสละ
สีม่วงอมน้ำเงิน ลึกลับ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ไทย: เศร้า
  • ญี่ปุ่น: การมีชีวิต
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, รู้พลังลึกลับ

สีขาว

ความหมาย: เทวดา, สันติภาพ, บริสุทธิ์, สาวบริสุทธิ์, เคารพนับถือ, เลื่อมใสศรัทธา, ความเรียบง่าย, ความสะอาด, ไร้เดียงสา, หนุ่มสาว, การเกิด, หน้าหนาว, หิมะ, ความดี, ปลอดเชื้อ, หนาวเย็น, ชัดเจน, สมบูรณ์แบบ, ยุติธรรม, ความปลอดภัย, คิดบวก, บุญกุศล, ความสำเร็จ, สิ่งประดิษฐ์, เป็นเอกภาพ, เสียสละเพื่อส่วนรวม, พระเจ้า, ผู้หญิง
จิตวิทยา: ห้องสีขาวอาจทำให้อึดอัดได้ถ้าปล่อยให้โล่งๆ ไม่มีอะไรเลยค่ะ สีขาวใช้ได้ดีเมื่อใช้เป็นพื้นหลังเพราะทำให้สิ่งที่เราต้องการจะนำเสนอดูเด่นขึ้นค่ะ
รู้หรือไม่: สีขาวนั้นแสดงถึงความเรียบง่าย ปลอดภัยและ สะอาด นิยมใช้กับพวกของไฮเทคทั้งหลาย เช่นคอมพิวเตอร์ และพวกอุปกรณ์ทางการแพทย์ค่ะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: การแต่งงาน, นางฟ้า, โรงพยาบาล, หมอ, สันติภาพ, นม
  • ญี่ปุ่น: เศร้าโศก นิยมใช้ในงานศพ
  • จีน: ความตาย, เศร้าโศก
  • อินเดีย: ความทุกข์
  • ฮวงจุ้ย: หยาง, ความตาย, เศร้าโศก, วิญญาณบรรพบุรษ, ผี, ความมั่นใจ

สีเงิน

ความหมาย: เสน่ห์, ไฮเทค, สง่างาม, โทรจิต, ญาณทิพย์, เพ้อฝัน, พลังหญิง, การสื่อสาร, เทพธิดา, ร่ำรวยหรูหรา, สมัยใหม่
จิตวิทยา: ใช้สีเงินร่วมกับสีอื่นจะช่วยให้เป็นที่สะดุดตาค่ะ
รู้หรือไม่: ให้ใช้สีนี้ร่วมกับสีอื่น ถ้าคุณต้องการออกแบบของให้ดูไฮเทคมากขึ้นค่ะ สีเงินนี้เข้ากันได้ดีกับสีทองและสีขาวสื่อถึงความมีอำนาจค่ะ
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, โลหะ, น่าเชื่อถือ, โรแมนติก

สีเทา

ความหมาย: ปลอดภัย, เชื่อถือได้, ฉลาด, มีเกียรติ, เงียบขรึม, ถ่อมตัว, อนุรักษ์นิยม, สำหรับคนแก่, เศร้าเสียใจ, น่าเบื่อ, มืออาชีพ, เชี่ยวชาญ, ทนทาน, มีคุณภาพ, เงียบขรึม, หม่นหมอง
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, โลหะ, ความตาย, ทื่อ

สีดำ

ความหมาย: การปกป้อง, รังเกียจ, อำนาจ, เกี่ยวกับเพศ, เชี่ยวชาญ, เป็นทางการ, หรูหรา, ร่ำรวย, ลึกลับ, ความกลัว, ปิศาจ, ความทุกข์, ความเศร้า, ความโกรธ, สำนึกผิด, โชคร้าย, ความลับ, ความสกปรก, ความว่างเปล่า, เข้มแข็ง, เชื่อถือ, จริงจัง
จิตวิทยา: ถ้าใช้สีดำกับพื้นที่กว้างเกินไป ก็อาจทำให้รู้สึกอึมครึม หดหู่ได้ค่ะ แม้ว่าสีดำจะทำให้ดูมีมิติขึ้นก็ตาม
รู้หรือไม่: สีดำนี้ใช้ได้ดีกับเว็บไซต์ประเภทศิลปะหรือโชว์ภาพถ่ายเพราะจะทำให้รูปภาพดูเด่นขึ้นค่ะ แต่ถ้าใช้สีดำเป็นพื้นหลังของตัวอักษรแล้ว อาจจะทำให้อ่านยากขึ้นค่ะ
ความเชื่อของชนชาติต่างๆ
  • ยุโรป: งานศพ, ความตาย
  • จีน: เป็นสีของเด็กผู้ชาย
  • ไทย: โชคร้าย, ความทุกข์, ผีสาง
  • ฮวงจุ้ย: หยิน, น้ำ, เงินทอง, รายได้, อำนาจ, ความมั่นคง, อำนาจชั่วร้าย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.oknation.net/blog/webmasterbangkok/2010/12/12/entry-1

    วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

    สร้างตราสินค้าของตัวเอง (ร้านกาแฟ)


    ตราสินค้า(ปรับปรุงใหม่)



    W = Wachada Mee = Meegunchon ชื่อจริงผู้ออกแบบเองค่ะ

    เน้นสีสันสดใส สีฟ้า = สงบ,นุ่มนวล
                            ชมพู = กะตือรือร้น,มีชีวิตชีวา
                     และเขียว สื่อถึงความสดชื่นเมื่อได้สัมผัสกับรสกาแฟ

    รูปควันกาแฟ สื่อถึงรสชาติที่เข้มข้น เมื่อคุณๆ ได้สัมผัสค่ะ

    วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

    กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Brand Building Strategies)

                                                  
                                           


     กลยุทธ์การสร้างแบรนด์  (Brand Building Strategies)


             การสร้างแบรนด์ หมายถึง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ธุรกิจจะสร้างแบรนด์ให้มีความสัมพันธ์กับผู้บริโภครับรู้ได้จากเครื่องมาทางการตลาด ซึ่งประกอบด้วย ความรู้จากผลิตภัณฑ์ ราคา การจำหน่าย และการสื่อสารทางการตลาด เมื่อผู้บริโภครับรู้ และได้ยินผลิตภัณฑ์นั้นแล้ว ผู้บริโภคจะพัฒนาความรู้สึก เห็นภาพลักษณ์ของแบรนด์ และประสบการณ์ที่ได้จากแบรนด์นั้น

           เนื่องจากการสร้างแบรนด์เกิดจากลักษณะทางกายภาพของผลิตภัณฑ์ และความรู้สึกของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ การสร้างแบรนด์จึงเกี่ยวพันกับการกำหนดแนวคิดผลิตภัณฑ์ (Product Concept) และการออกแบบ (Product Design) การตั้งชื่อ และการกาหนดแนวคิดทางการสื่อสาร เพื่อสื่อให้ผู้บริโภคมีการรับรู้ และมีทัศนคติที่ดีต่อแบรนด์ว่าแบรนด์ กล่าวคือ ผู้บริโภคสามารถตีความหมายได้ว่าแบรนด์เป็นเพื่อน เป็นญาติ มีความถนัดด้านใด เป็นต้น ซึ่งการสร้างแบรนด์นั้นใช้เวลา แต่มีความสำคัญในระยะยาว ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

    1. การกำหนดตำแหน่งทางผลิตภัณฑ์ (Brand Positioning)
    2. การกำหนดบุคลิกภาพของแบรนด์ (Brand Personality)
    3. การสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ (Brand identity)
    4. การสื่อสารแบรนด์ (Brand Communcation)
    การสร้างแบรนด์ถือว่าเป็นเรื่องสาคัญสาหรับองค์กรเกือบทุกองค์กร เพราะฉะนั้นการสร้างความน่าเชื่อถือจากการประชาสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จึงนาไปสู่การตลาดในการสร้างแบรนด์ เรียกว่า Brand Building Strategies

    ที่มา : http://thesisavenue.blogspot.com

    วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

    กิจกรรมที่ 1 วิชาการสร้างตราสินค้า รหัสวิชา 3202-0213



    หลักการสร้างตราสินค้า


    ในขณะนี้ ยุคหลังปี 2000 ยุคที่ผู้บริโภคเป็นใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย สินค้าถูกผลิตขึ้นในแต่ละวัน มากกว่าความต้องการของผู้บริโภค ลองคิดดูกันเล่นๆ เมื่อคุณเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ต เพื่อที่จะซื้อสบู่ซักก้อนหนึ่ง ถ้าคุณไม่มี ตราสินค้า (Brand หรือเรียกทั่วไปว่า ยี่ห้อ) ในดวงใจ แล้วละก็ คุณลองคิดว่าคุณจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการเลือกซื้อสบู่ซักก้อนหนึ่ง ถ้าสมมุติคุณใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ นาที ในการยืนอ่านฉลากและคุณสมบัติของสบู่ยี่ห้อต่าง ๆ ทุก ๆ ยี่ห้อที่มีอยู่ในแผนกสบู่ของซุปเปอร์มาเก็ตนั้น คุณอาจต้องใช้เวลาประมาณ กว่า ชม. ในการเลือกซื้อสบู่ซัก ก้อน (ยังไม่รวมเวลาที่ใช้ดมกลิ่นสบู่ ก้อนละประมาณ 30 วินาที)

    แต่ในโลกของความเป็นจริง การเลือกซื้อสินค้าใด ๆ ก็ตามผู้บริโภคจะมีกลุ่มยี่ห้อในดวงใจอยู่ 4 –5 ยี่ห้อ ผู้บริโภคจะเดินตรงไปที่ชั้นวางสินค้า เลือกดูยี่ห้อที่ตัวเองต้องการ อาจเปรียบเทียบราคากับ 4 – 5 ยี่ห้ออื่นๆที่ชอบๆว่ามีการส่งเสริมการขายอะไรบ้าง มีกลิ่นใหม่ออกมาไหม

    ข้อควรสังเกตประการหนึ่งคือ ในกรณีสินค้าอุปโภค บริโภค ผู้บริโภคจะมีโอกาสที่จะเปลี่ยนBrand ได้ง่ายกว่า ถ้า Brand อื่น ๆ มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจกว่า แต่ถ้าเป็นสินค้าจำพวกเครื่องใช้ในครัวเรือน อุปกรณ์ ไฟฟ้า และ รถยนต์ ที่เป็นสินค้าที่มีราคาสูง Brand ที่มีความแข็งแรงและได้รับการไว้วางใจจากผู้บริโภคจะได้รับความเชื่อถือ และยากที่จะถูกทดแทนด้วย Brand อื่น ๆ เช่น สินค้าระดับโลกต่างๆ Brand ที่แข็งแรงที่ค้นเคย เช่น Sony, Nike, Microsoft, Coca Cola, การบินไทย, Nokia, Benz, BMW, Volvoและอื่นๆ Brand เหล่านี้เป็น Brand ที่มีความแข็งแรงสูง ความน่าเชื่อถือ เป็น Brand Preference เป็นBrand ที่มี (Positioning)ตำแหน่งตราสินค้า และภาพลักษณ์ที่ชัดเจน

    ฉะนั้นการมี Brand ที่มี positioning ที่ชัดเจน และภาพลักษณ์ที่แข็งแรงจะทำให้ผู้บริโภค เดินเข้ามาถามหาสินค้าของเราเอง และช่วยให้ขายสินค้าง่ายขึ้น เมื่อผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าประเภทนั้น ๆนอกจากนั้นแล้ว Brand ที่มีความแข็งแรงมาก ๆ ก็จะสามารถกำหนดราคาได้สูงกว่า Brand ธรรมดาทั่วไปอีกด้วย การสร้าง Brand มีความสำคัญมาก ควรอย่างยิ่งที่จะทราบความหมายและวิธีการสร้างแบรนด์ ให้ประสบความสำเร็จ

    Brand ในยุคปัจจุบัน
    ในสังคมปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีราคาถูกลง ความรู้ต่าง ๆ สามารถเรียนรู้และพัฒนาให้ทันกันได้การตลาดมีสภาพที่ได้เปรียบเสียเปรียบ กันไม่มากในแง่ความโดดเด่นของสินค้า ยกตัวอย่างเช่น แชมพูทุกยี่ห้อ สระผมได้ เงางาม ดำสลวย สวยเก๋ เหมือนกัน โทรทัศน์ เกือบทุกยี่ห้อ มีจอแบน เหมือนกันโทรศัพท์ มือถือเกือบทุกยี่ห้อก็สามารถถ่ายภาพได้

    คำถามคือ แล้วอะไรจะเป็นตัวช่วยที่แท้จริงที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกสินค้าของเราแทนการเลือกซื้อสินค้าของคู่แข่ง

    คำตอบสำหรับวันนี้ คือ Branding และคำตอบสำหรับวันพรุ่งนี้และต่อๆ ไปก็คือ Branding อีกเช่นกัน

    ดังนั้น สินค้าและบริการที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงต้องเข้าใจว่า Brand คืออะไร และองค์กรนั้น ๆ ต้องคิดแบบองค์รวมในการสร้างแบรนด์จึงจะสามารถสร้างได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด.

    การสร้างตราสินค้า (Branding)
    หลักการของการสร้าง Brand ที่กระชับและเข้าใจง่ายที่สุดมี ระดับ
    1. การกำหนดตำแหน่งทางการตลาดของสินค้า (Positioning)
    2. การสร้างความแตกต่างทางด้านความรู้สึก และอารมณ์ (Differentiation)

    การเน้นตำแหน่งทางการตลาดของสินค้า (Positioning) เช่น
    Brand คือ ความหรูหรา ความสำเร็จ
    BMW คือ สุนทรียภาพในการขับขี่
    Volvo คือ ความปลอดภัย

    จะเห็นได้ว่า Brand รถยนต์เหล่านี้มี ตำแหน่งทางการตลาด ( Positioning )ที่แข็งแรง และได้ครอบครองตำแหน่งในใจของผู้บริโภคมานานกว่า 30 ปี (positioning ยากจะถูกบันทึกไว้ในใจของผู้บริโภค แต่ถ้ามันถูกบันทึกลงในส่วนเล็ก ๆ ในสมองของผู้บริโภคแล้วมันก็ยากที่จะถูกเปลี่ยนหรือแทนที่เช่นกัน)


    ในการสร้าง Brand ที่ดีนั้น เราจะต้องรู้จุดแข็ง คุณสมบัติพิเศษที่แตกต่าง (Unique selling proposition) ของเรา จากนั้นนำเสนอมันออกมาบอกให้คนได้รับรู้ก่อนคู่แข่ง ยืนหยัดในการมีจุดยืนอย่าเปลี่ยนแปลง

    ทฤษฎี positioning ข้อสำคัญคือ เป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภคคนส่วนใหญ่จะจดจำสิ่งแรกที่เข้ามาใจได้เสมอลองถามตัวเองดู แฟนคนแรกของคุณคือใคร ? ส่วนใหญ่จะจำได้ แล้วคนที่ และ คนที่ ละ........เริ่มนึกไม่ออก คนที่ คนที่ ไม่ต้องพูดถึง ไม่รู้แล้ว

    แฟ้บ คือ ผงซักฟอกเจ้าแรกที่เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค จนทุกวันนี้ คนยังติดปาก พูดว่าขอซื้อแฟ้บ แม้ว่าจะหยิบผงซักฟอกยี่ห้ออื่น ๆ ก็ตาม การเข้ามาเป็นคนแรกในใจผู้บริโภคไม่ว่าจะเสนออะไรให้

    สินค้าชนิดแรกที่เสนอคุณสมบัตินั้น ย่อมเป็นการง่ายที่จะเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค (ต้องไม่ซ้ำกับยี่ห้ออื่นที่ได้วางไว้แล้ว) เมื่อ Benz คือความหรูหรา ความสำเร็จ, BMW จึงเป็นยานยนต์ เพื่อการขับขี่ที่สุนทรียภาพ และVolvo จึงต้องเป็นรถยนต์ที่ให้ความมั่นใจที่สุดในด้านความปลอดภัย

    สิ่งสำคัญที่เจ้าของ Brand ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนคือ
    1. ใครคือกลุ่มเป้าหมาย
    2. สินค้ามีจุดแข็ง คุณประโยชน์ที่แตกต่างจากสินค้าอื่น ๆ

    กระบวนการสร้างตราสินค้า (Brand) แบบ มิติ
    วิทวัส ชัยปาณี แห่งบริษัท Creative Juice \\ G1 จำกัด (2546: 46-55) นำเสนอกระบวนการสร้างตราสินค้า มิติ (4 D – Branding Process) ซึ่งประกอบด้วย
    การค้นพบความจริงใน มิติ เป็นการค้นหาความต้องการอย่างแท้จริงที่อยู่ภายในจิตใจของลูกค้า และ มองสิ่งรอบตัวให้ครบทุกมิติ ได้แก่
    (1) มิติด้านตลาด (Market) มิติด้านลูกค้า (Customer) มิติด้านองค์การ (Corporate) และมิติด้านตราสินค้าทั้งของตนเองและของคู่แข่ง (Competitions)
    (2) Disruption – การค้นหา Brand Idea ที่โดดเด่น เป็นการแตกแยก Brand Idea ของตนเองออกมา (Disrupt) โดยมีการเปลี่ยนแปลง ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ และออกจากวิธีธรรมเนียมปฏิบัติเดิมๆ
    (3) Disparity – การกระจายข่าวสารของ Brand ไปยังลูกค้าเป้าหมาย เป็นขั้นตอนที่นำเสนอBrand Idea กระจายไปสู่ผู้บริโภคซึ่งจะต้องอาศัยสื่อในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ ไม่พึ่งพาเฉพาะสื่อมวลชนเท่านั้น

    (4) Determine – การวัดผลถึงสารที่เราสื่อถึง Brand ในใจลูกค้า เป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งมีความสำคัญ ต้องทำการวัดผล ซึ่งไม่ใช่วัดแค่การรับรู้ (Awareness) แต่ต้องเป็นการหา Mind Share หรือBrand Share

    แนวทางการสร้างตราสินค้า (Branding) ที่ยกมากล่าวข้างต้นนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากหลายแนวคิด นอกเหนือจากที่กล่าวยังมีทั้งนักวิชาการ และนักวิชาชีพ ได้นำเสนอแนวคิด และการสร้างตราสินค้า ในรูปแบบต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งจtขอยกมากล่าวในที่นี้ เป็นแนวทางพอสังเขปดังนี้

    ที่ผ่านมามีค่ายสินค้าหลากหลายแบรนด์และประเภทพยายามจะใช้ยุทธวิธีการสร้างทัศนคติที่ดีให้กับแบรนด์มาเป็นตัวขับเคลื่อนสร้างความแตกต่างในการทำตลาด เพื่อความแข็งแกร่งแบรนด์และในด้านยอดขายมากขึ้น สำหรับกลุ่มสินค้าที่มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ มีตั้งแต่ระหว่างเนสกาแฟ และเบอร์ดี้ในสินค้ากลุ่มกาแฟกระป๋อง และในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ระหว่างเอ็ม 150 กับกระทิงแดง รวมถึงการแข่งขันของตลาดน้ำอัดลมที่มี คู่ปรับเป๊ปซี่ กับโค้ก โดยส่วนใหญ่ปลดล็อกการสื่อสารแบรนด์ใหม่ผ่านเรื่องราวการสร้างกำลังใจ การยึดมั่นความสำเร็จ มุมมองด้านบวกต่างๆ เปิดด้านดีของชีวิต ความสนุกเต็มที่กับชีวิต

    จุดที่ทำให้เกิดการแข่งขันโดยนำเรื่องการสร้างทัศนคติที่ดีให้กับแบรนด์มาใช้นั้น มีเหตุผลที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการผ่าทางตันของตลาดกาแฟกระป๋องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และเป็นที่รู้กันดีว่าแก้ง่วงในแง่ของ Functional Approach ที่ได้จากการดื่มกาแฟ จนปัจจุบันแทบหาความแตกต่างไม่ได้ หรือความจำเป็นของการสร้างทัศนคติให้ดีกับแบรนด์ของเครื่องดื่มชูกำลัง ที่เผชิญกับด่านจากการควบคุมของภาครัฐ ซึ่งเป็นอุปสรรคด้านการสื่อสารถึงผู้บริโภค โดยเลี่ยงไปใช้วิธีการสื่อสารเพื่อภาพลักษณ์ที่ดูดี และเพื่อขยายฐานผู้บริโภคไปหากลุ่มคนทำงานและวัยรุ่นอีกด้วย

    นับว่าภาพรวมการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด เป็นการสร้างความแตกต่างที่เป็นการนำ Emotional Approach เข้ามาช่วย Branding ในการทำตลาดของสินค้าและแบรนด์ที่สื่อถึง Functional Approach ไม่ได้ หรือการส่งแมสเซจที่มีการสื่อถึงเบเนฟิตของสินค้ามานานแล้ว ซึ่งการแข่งขันการสร้างทัศนติที่ดีให้กับแบรนด์กับลูกค้าเป้าหมายด้วย Emotional Approach ผ่านโฆษณาและกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้า นั่นก็เพื่อสร้างตำแหน่งให้กับสินค้าเป็นฮีโร่ในใจของผู้บริโภค

    หากเจาะลึกในเซกเมนต์กาแฟกระป๋อง ที่ 'เบอร์ดี้เป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 60% และมีแบรนด์ 'เนสกาแฟเป็นเบอร์รอง ซึ่งกาแฟกระป๋องถือเป็นเซกเมนต์เดียวที่เนสกาแฟเป็นเบอร์รอง และในช่วง ปีที่ผ่านมา เนสท์เล่ หลังปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เพิ่มความคล่องตัวด้านการกระจายสินค้า ดึงจากโค้กมาบริหารเอง ก็เริ่มเดินเกมในเชิงรุกโดยเพิ่มเขี้ยวเล็บทางด้านการสื่อสารการตลาดผลักดันเรื่องแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยพยายามจะต่อยอดความแข็งแกร่งแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดกาแฟเซกเมนต์อินสแตนท์ และทรีอินวันมาใช้กับการทำตลาดกาแฟกระป๋อง ผ่านการสื่อสารผ่านข้อความตามป้ายโฆษณาและบิลบอร์ดที่ว่า 'มองสูงเข้าไว้ และไปอย่างมุ่งมั่น'

    จุดพลิกตลาดดังกล่าว สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ช่วงปรับยุทธศาสตร์เนสกาแฟพร้อมดื่มเพื่อบุกตลาดฤดูร้อนเมื่อ ปีที่ผ่านมา พัทนัย เหลืองตระกูล ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่ม ที่มองเห็นความสำคัญของการสื่อสารการตลาดสำหรับการทำตลาดกาแฟกระป๋อง ที่กล่าวว่า

    'แม้ว่าทางด้านภาพลักษณ์ของแบรนด์เนสกาแฟจะมีจุดแข็งในสายตาผู้บริโภค โดยลูกค้าเนสกาแฟกว่า 70% เป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศ หรือนักศึกษา และจากการสำรวจของเราพบว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการจากการดื่มกาแฟ คือ ความสดชื่น ความสะดวก และรสชาติ แต่หลายคนยังติดภาพกาแฟกระป๋องว่าเป็นเครื่องดื่มสำหรับผู้ใช้แรงงาน ดังนั้นการปรับโฉมใหม่เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์จึงมีความสำคัญ แต่ต้องปรับทั้งกระบวนการ ตั้งแต่รสชาติ แพกเกจจิ้ง และแนวทางการทำตลาด เพราะการปรับภาพลักษณ์ใหม่ หมายถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ที่ต้องสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าหลักและสินค้าต้องตรงกับความต้องการของลูกค้า'

    เกมนี้ดูเหมือน เนสกาแฟ จะมีแต้มต่อในตลาดกาแฟกระป๋อง แต่หลายปีผ่านไปก็ยังโค่นเบอร์ดี้ลงจากแชมป์ไม่ได้ เหตุผลนั้นเป็นเพราะการปูทางด้วยคอนเซ็ปต์การทำตลาดที่อยู่ภายใต้กรอบของแนวคิด จุดยืนเดิมของเบอร์ดี้ ได้ใจและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค แม้จากอดีตที่ลูกค้าในตลาดกาแฟกระป๋องสัดส่วนกว่า 80% เป็นกลุ่มลูกค้าผู้ใช้แรงงาน หรือ blue collar จนกระทั่งปัจจุบันที่ตลาดกาแฟกระป๋องเริ่มขยับขยายกลุ่มลูกค้าสู่ตลาดคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน หรือ white collar ก็ตาม

    กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ มีการสร้างความแตกต่างที่เป็น Emotional Approach เข้ามาช่วยBranding ในตลาดกาแฟกระป๋อง ที่มีการปูทางมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นและเน้นย้ำแนวทางการสร้างทัศ น คติ ที่ดีของผู้บริโภคทที่มีกับแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวความคิด 'ไม่มีฝันไหน ไกลเกินใจเราหรือ 'Go for Goal' หรือการสานต่อกิจกรรมในด้านการสร้างแบรนด์และเพื่อสังคมที่เสริมให้เป็นที่รับรู้และสร้างความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ ต่อเนื่องด้วยแนวคิดในปี 2551 ที่ว่า 'เข้มข้นกับทุกความฝันสื่อให้เห็นถึงกลุ่มคนที่มีความเข้มข้นและมุ่งมั่นที่จะทำตามฝัน โดยมี 'เบอร์ดี้อยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้คนเหล่านี้ไปให้ถึงฝัน ที่จะใช้ในการสื่อสารผ่านโฆษณาและกิจกรรมทั้งหมด

    การแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง นับว่าเป็นสินค้าอีกประเภทที่พยายามแก้ภาพลักษณ์และหลุดกรอบจากเบเนฟิตที่ได้จากการดื่ม โดยพยายามสื่อสารการสร้างทัศนคติที่ดีกับแบรนด์มาเป็นสิ่งขับเคลื่อนการทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง จากเจาะกลุ่มผู้ชายที่ใช้แรงงานเป็นหลัก มาเจาะกลุ่มวัยรุ่น และคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่มากขึ้น

    ที่ผ่านมาการแข่งขันระหว่างเบอร์หนึ่งกับมวยรองคือ เอ็ม 150 กับกระทิงแดงนั้น แม้จะมีการวางตำแหน่งที่แตกต่างกัน โดยเอ็ม 150 มีการพลิกโฉมแบรนด์จาก 'พลังเอ็ม...พลังใจเกินร้อยผ่านกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เกตติ้ง และกลยุทธ์มิวสิก มาร์เกตติ้ง ที่มีศิลปินค่ายแกรมมี่ เป็นแนวทางการสื่อสารที่ทำให้แบรนด์เข้ามาครองตลาดหลักเป็นคนเมือง white collar ขณะที่กิจกรรม เพื่อเข้าถึงและสร้างความจงรักภักดีกลุ่ม blue collar ก็มีการจัดควบคู่กันไป อาทิ โรดโชว์ 'คอนเสิร์ตเอ็ม 150' ซึ่งก็ทำให้เอ็ม 150 ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% จากมูลค่าตลาดรวม 1.5 หมื่นล้านบาท

    ส่วนกระทิงแดง แบรนด์หลักที่ครองตลาดกลุ่ม blue collar นั้น ขณะที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคด้วยสภาพตลาดที่เปลี่ยนไปทั้งการกินตลาดจากตลาดกาแฟกระป๋อง ของลูกค้าเครื่องดื่มชูกำลังบางส่วนเริ่มหันไปดื่มกาแฟกระป๋องนั่นเอง ที่ทำให้กระทิงแดง ถึงเวลาที่จะทำให้แบรนด์เหมือนกันทั่วโลก โดยหันหัวรบออกมาเคลื่อนไหวด้านการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ครั้งใหญ่ ด้วยการสนับสนุนกีฬาประเภทเอ็กซ์ตรีม และกระทิงแดงมาดใหม่ภายใต้แนวคิด 'ลูกผู้ชายตัวจริง'

    ล่าสุดต่อเนื่องด้วยการต่อยอดความแข็งแกร่งแบรนด์เรดบูลที่โกอินเตอร์มานานแล้ว ภายใต้แนวคิดใหม่ที่ว่า 'เป้าหมายมีไว้เพื่อพุ่งชนและกลยุทธ์มิวสิก มาร์เกตติ้ง เพื่อเจาะตรงเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคblue collar วัยรุ่นในต่างจังหวัด รวมถึงเน้นทำกิจกรรมเพื่อสังคมมากขึ้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนอีกครั้งของกระทิงแดงที่ใช้เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ และต่อกรการทำตลาดของเอ็ม 150 ที่ระยะหลังเปลี่ยนมาใช้แนวคิด'ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อยเป็นคอนเซ็ปต์การทำตลาด

    ศึกการแข่งขันทางด้านการสร้างทัศนคติที่ดีต่อแบรนด์นั้น ยังขยายวงไปถึงการแข่งขันตลาดน้ำดำ ที่นำโกลบอลแคมเปญในเวทีระดับโลกมาใช้ในตลาดเมืองไทยที่ เป๊ปซี่ เป็นผู้นำ ส่วนการแข่งขันในตลาดโลกนั้นมี โค้ก เป็นผู้นำ และเป๊ปซี่ เป็นผู้ท้าชิง โดยเป็นความพยายามในเวลากว่า ปีแล้ว ที่เป๊ปซี่นำแนวคิด 'เป๊ปซี่ เต็มที่เลยเพื่อสื่อในแง่แบรนด์ที่จะเข้ากับวัยดิจิตอล มาถึงกลยุทธ์สื่อสารใหม่ Pepsi I canที่เน้นให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงออกถึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเองให้คนภายนอกรับรู้ ส่วนโค้ก ใช้คอนเซ็ปต์ 'เลือกโค้ก ด้านดีๆ ของชีวิตหรือ 'Cole Side of Life' เชิญชวนให้ทุกคนมีทัศนคติในด้านบวก หันมามองโลกในแง่ดีและเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนหันมามองด้านดีๆ ของชีวิตมากขึ้น

    เมื่อเร็วๆ นี้ ในเวทีระดับโลกก็มีการเปิดศึกสงครามน้ำดำระหว่าง เป๊ปซี่ กับโค้ก โดยการเปิดแคมเปญทางการตลาดระดับโลกใหม่ล่าสุด ภายใต้แนวคิดการสร้างความสุขให้กับผู้บริโภคที่ต้องเผชิญกับภาวะความเครียดต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาการว่างงาน และ ตลาดหุ้นซบเซาอย่างรุนแรงโ ดยยนิตยสาร แอดเวอร์ไทซิ่ง เอจ รายงานว่าบริษัท เป๊ปซี่ โค จำกัด ผู้ผลิตน้ำอัดลมอันดับสองของโลก ได้เปิดตัวโลโก้ 'รอยยิ้มชุดใหม่ของบริษัทพร้อมกับนิยามการตลาดใหม่ที่ว่า 'Every generation refreshes the world' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของบริษัทที่เน้นการสร้างความสุขให้กับผู้บริโภคท่ามกลางภาวะซบเซาของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ บริษัท โคคา-โคลา จำกัด (โค้ก) มีกำหนดเปิดตัวแคมเปญโฆษณาชุด 'Open Happiness' เพื่อมาใช้แทนแคมเปญ 'Coke Side of Life' 'เลือกโค้ก ด้านดีๆ ของชีวิตที่มีการเปิดตัวในตลาดเมืองไทยไปเกือบ ปีแล้ว
    สรุปได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ผู้นำ และแบรนด์รองต่างพยายาม ปลดล็อกสงครามการตลาด เปิดศึกสร้างความต่าง ด้วยยุทธวิธีการสร้างทัศนคติ (Attitude) ของผู้บริโภค เป็นหัวหอกในการสร้างสาวกแบรนด์ โดยสื่อสารแบรนด์คอนเซ็ปต์ผ่านโฆษณาครบวงจร วางเป้าหมายช่วยสร้างความแตกต่าง สินค้าและแบรนด์ เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคอย่างยั่งยืน




     

    ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

    สี : เหลือง
    โลโก้ : ยอดปราสาทสังข์ 3 ยอด

    คุ้นตาและแตกต่างด้วย สีเหลือง : หมายถึง สีแห่งความรุ่งโรจน์ มั่งคง ดุจดั่งทองคำ ตราสัญลักษณ์ ภายในใช้ยอดปราสาทสังข์ 3 ยอด ซึ่งเป็นตราประจำจังหวัดอยุธยา อีกนัยหนึ่งสะท้อน การรวมพลัง ความคิด ความรู้ และความสามารถ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก



     
    ขอขอบคุณ
    ที่มาจาก : http://blog.eduzones.com
                    http://www.positioningmag.com


    แนะนำตัว

    ดิฉันชื่อ นางสาววัชดา  มีกุญชร
    เกิดวันที่ 19 ธันวาคม 2536 อายุ 19 ปี
    ปัจจุบัน : กำลังศึกษาระดับชั้นประกาศนีย์บัตรวิชาชีพชั้นสูง ปีที่ 1
                 สาขาวิชาการตลาด วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น
    E-mail :  faah_zeed@hotmail.com
    G-mail :  wachada.1993@gmail.com
    สิ่งที่ใฝ่ฝัน : อยากจะประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต  ^__________^